วิตามินแต่ละชนิด จำเป็นต่อร่างกายอย่างไร
วิตามินแต่ละชนิด จำเป็นต่อร่างกายอย่างไร เนื่องจากทุกวันนี้การรับประทานอาหารที่มีสารอาหารน้อย อาจจะส่งผลกระทบทำให้ร่างกายของเราขาดวิตามินที่สำคัญได้ จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ร่างกายของเราเกิดอาการอ่อนล้า และอ่อนเพลีย ปัญหาเหล่านี้บ่งบอกว่าร่ายการของเรากำลังขาดวิตามินอยู่ เราจึงมีวิตามินที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของคุณว่า วิตามินแต่ละชนิด จำเป็นต่อร่างกายอย่างไร มาบอกกันค่ะ
1. วิตามินเอ
วิตามินเอ มีความสำคัญต่อร่ายการ เพราะวิตามินเอจะช่วยเสริมสร้างกระดูก ฟัน และเหงือก นอกจากนั้นยังสามารถช่วยบำรุงสายตา ช่วยลดการอักเสบของสิว และยังสามารถลดจุดด่างดำได้อีกด้วย ช่วยเสริมภูมิต้านทานให้กับร่างการ หากรับประทานวิตามินเอในระดับที่พอเหมาะและต่อเนื่องจะช่วยลดการเกิดมะเร็งได้ จะพบมากในน้ำมันตับปลา นม ไข่แดง ผักที่มีสีเขียว สีส้ม สีม่วง และอื่นๆ เช่น มะเขือเทศ แครอท ฟักทอง คะน้า เรียกว่าผักส่วนใหญ่นั้นก็มีวิตามินเออยู่แล้วทั้งนั้น
2. วิตามินบี 1
วิตามินบี 1 หรือ ไทอะมีน (Thiamine) เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ อยู่ในกลุ่มของวิตามินบีรวมซึ่งร่างกายไม่สามารถเก็บสะสมไว้ได้ หากมีอยู่ในร่างกายมากเกินไปก็จะถูกขับออกมา จึงจำเป็นที่จะได้รับทุกวัน มีความสำคัญต่อรายการคือจะช่วยเริมสร้างการทำงานของระบบหัวใจ และกล้ามเนื้อ ช่วยเพิ่มการเผาผลาญของคาร์โบไฮเดรต สำหรับอาการของคนที่ขาดวิตามินบี 1 จะมีอาการเหนื่อยง่าย เบื่ออาหาร ปวดกล้ามเนื้อ เป็นตะคิว เหน็บชาตามมือและเท้า แหล่งที่พบวิตามินบี 1 ได้ตามธรรมชาติ ได้แก่ ผัก โฮลวีต ถั่วเหลือง ข้าวโอ๊ต ถั่วลิสง รำข้าว เปลือกข้าว เมล็ดที่ไม่ผ่านการขัดสี บริเวอร์ยีสต์ นม ไข่แดง ปลา เนื้อออร์แกนิก เนื้อหมูไม่ติดมัน เป็นต้น
3. วิตามินบี 2
วิตามินบี 2 หรือ ไรโบฟลาวิน (Riboflavin) เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ ถูกดูดซึมได้ง่าย จะช่วยในเรื่องการเผาผลาญไขมัน และทั้งยังมีส่วนช่วยในการทำงานของสายตา โดยเฉพาะบริเวณเรตินาของลูกตา แต่ถ้าขาดวิตามิและแร่ธาตุของวิตามินบี 2 ไป จะทำให้คุณเป็นโรคปากนกกระจอก และระบบการย่อยอาหารผิดปกติได้ แหล่งที่พบวิตามินบี 2 ได้ในธรรมชาติ ได้แก่ ไข่ นม ถั่ว โยเกิร์ต ชีส ผักใบเขียว ปลา ตับ ไต เป็นต้น
4. วิตามินบี 6
วิตามินบี 6 หรือไพริดอกซีน (Pyridoxine) จะช่วยสร้างเซลล์เม็ดเลือด และยังมีส่วนในการช่วยเผาผลาญอาหารประเภทโปรตีน จะทำให้ผิวหนังของคุณมีสุขภาพที่ดี แต่ถ้าคุณขาดวิตามินบี 6 ไปจะทำให้ร่ายการของคุณเป็นโรคโลหิตจาง และโรคหลอดเลือดอุดตันได้ คนเราจำเป็นต้องรับประทานวิตามินบี 6 ต่อวันประมาณ 2 มิลลิกรัม วิตามินบี 6 พบได้ในอาหารหลากหลายชนิด เช่น ธัญพืช กล้วย แครอท อะโวคาโด ผักโขม ถั่ว มันฝรั่ง ชีส นม ไข่ ปลา เนื้อสัตว์ และตับ
5. วิตามินบี 12
วิตามินบี 12 หรือ โคบาลามิน (Cobalamin) เป็นวิตามินที่เป็นทั้งสารอาหารและยาในเวลาเดียวกัน จะช่วยทำให้ร่ายการของคุณนำคาร์โบไฮเดรตและโปรตีนไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง และช่วยในการทำงานของระบบประสาท วิตามินบี 12 จะพบในผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์เป็นหลัก ส่วนอาหารจากพืชจะไม่มีวิตามินบี 12 อาหารที่มีวิตามินบี 12 เช่น ตับ ไต นม ไข่แดง ชีส ปลา เนื้อหมู เนื้อวัว อาหารหมักดอง
6. วิตามินซี
วิตามินซี หรือชื่อเต็มๆว่า กรดแอสคอบิค (Ascobic Acid) เป็นวิตามินที่มนุษย์ไม่สามารถสร้างได้เอง จำเป็นต้องได้รับจากการทานเข้าไป มีหน้าที่หลักๆ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) และช่วยให้ร่างกายสามารถรีไซเคิลสารต้านอนุมูลอิสระตัวอื่นๆ ดังนั้นเพื่อประโยชน์สูงสุดจึงควรที่จะรับประทาน วิตามินซี ร่วมกับสารต้านอนุมูลอิสระชนิดอื่นๆ เช่น วิตามินอี แคโรทีน ฟลาโวนอย เป็นต้น ซึ่งจะช่วยชะลอความแก่ และลดการเกิดริ้วรอยแห่งวัย การรับประทานเป็นประจำจะช่วยให้ผิวใส เนียน นุ่มลื่นอย่างเป็นธรรมชาติ ช่วยปกป้องเซล เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน สุขภาพและความแข็งแรงของเนื้อเยื่อในร่างกายที่เกี่ยวข้องกับ เส้นเอ็น และคอลลาเจน ก็มีผลมาจากปริมาณวิตามินซีในร่างกาย แหล่งของวิตามินซี ได้แก่ ผัก ผลไม้ เช่น พลัม อซีโลรา กูสแบรี่ แบลคเคอเรนท์ บร็อคโคลี่ พริกหวาน โขม กะหล่ำดอก ในเนื้อสัตว์ และตับสัตว์ ก็เป็นแหล่งวิตามินซี เช่นกัน
7. วิตามินดี
วิตามินดี หรือ แคลซิเฟอรอล, ไวออสเตอรอล, เออร์กอสเตอรอล หรืออาจเรียกว่า “วิตามินแดด” เป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน ร่างกายของเราจะได้รับวิตามินชนิดนี้จากแสงแดดหรืออาหารที่รับประทานในแต่ละมื้อ เพราะรังสี UV จากแสงแดดจะทำปฏิกิริยากับน้ำมันที่ผิวหนัง ก่อให้เกิดการสร้างวิตามินดีซึ่งจะถูกดูดซึมกลับเข้าสู่ร่างกาย จะช่วยควบคุมการดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่ร่างกาย และส่งเสริมการสร้างกระดูดและฟัน ถ้าขาดวิตามินดีไปจะทำให้ร่ายการมีอาการปวดเมื่อย และเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกพรุนได้อีกด้วย อาหารที่มีวิตามินดีสูง คือ ปลาแซลมอนปลาทูน่า ปลาแม็คเคอเรล ไข่แดง เนย นม นมถั่วเหลือง ตับวัว
8. วิตามินอี
วิตามินอี เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระชั้นเยี่ยมจะช่วยป้องกันการแตกของเม็ดเลือดแดง ป้องกันการเกิดลิ่มเลือดและการอุดตันของเส้นเลือด ลดการเกิดกระบวนการอักเสบในร่างกายที่อาจนำไปสู่การเกิดโรคต่างๆ และยังมีฤทธิ์อื่นๆ อีกมากมาย มีหน้าที่เบื้องต้นเสมือนฟองน้ำที่คอยดูดซับอนุมูลอิสระซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เซลล์หรือเนื้อเยื่อถูกทำลาย ช่วยป้องกันโรคหัวใจและโรคมะเร็ง และยังช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ กระตุ้นการทำงานของระบบประสาท ระบบสืบพันธุ์ และกล้ามเนื้อ ช่วยบรรเทาอาการเหนื่อยล้า และอ่อนเพลียง่าย วิตามินอีนั้นอยู่ในอาหารที่เราทานกันอยู่ในชีวิตประจำวันทั่วๆ ไป ไม่ว่าจะเป็น ไข่ มะเขือเทศสด ถั่วลิสง หน่อไม้ฝรั่ง มันฝรั่ง ผักโขม เมล็ดอัลมอนด์ โดยเฉพาะผลไม้ที่เราหาซื้อได้ตามตลาดนั่นก้คือ มะม่วง ข้าวโพด และผักผลไม้ที่มีเบต้าแคโรทีน เช่น แครอท ซึ่งเป็นแหล่งที่มีวิตามินอีเป็นจำนวนมาก รวมถึงในน้ำมันพืชชนิดต่างๆ ที่เราใช้ในการทอดหรือปรุงอาหาร เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันมะกอก น้ำมันทานตะวัน อีกด้วย
9. วิตามินเค
วิตามินเค หรือ เมนาไดโอน (Menadione) เป็นวิตามินในกลุ่มที่ละลายได้ดีในไขมัน ที่มีความจำเป็นต่อร่างกายชนิดหนึ่ง ซึ่งได้มาจากการบริโภคอาหารเข้าไปในแต่ละวัน และยังได้จากแบคทีเรีย ในลำไส้ ที่สามารถสังเคราะห์วิตามินเคขึ้นมาได้เองอีกด้วย โดยมีคุณสมบัติเด่นในการทำให้เลือดแข็งตัว จะช่วยป้องกันเลือดออกภายในและเลือดออกไม่หยุด ช่วยบรรเทาอาการประจำเดือนมามากกว่าปกติ ช่วยในกระบวนการสร้างลิ่มเลือด และช่วยป้องกันกระดูกเปราะบาง ร่างกายของเราสามารถรับวิตามินเคได้จากอาหาร ซึ่งได้แก่ น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันตับปลา น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันมะกอก เนย นมสด เนื้อสัตว์ สำหรับผัก และผลไม้จะมีอยู่ใน สาหร่ายเคลป์ ผักคะน้า รำข้าว ข้าวโพด กะหล่ำดอก มะเขือเทศ บร็อกโคลี กะหล่ำปลี ลูกแพร์ กล้วย ราสเบอร์รี่ และผักใบสีเขียว
เพื่อนๆคงทราบกันแล้วใช่มั้ยคะ ว่าวิตามินแต่ละชนิดมีประโยชน์มากเพียงใดและจำเป็นต่อการทำงานทุกระบบของภายในร่างกายเราโดยตรง ดังนั้นควรรับเลือกประทานวิตามินในปริมาณที่เหมาะสมกับร่างกายของเราให้มากที่สุดค่ะ