4 วิธีล้างแอร์ ดูแลได้ง่ายๆ ลืมการเข้าอู่ไปเลยค่ะ
เราควรล้างแอร์รถยนต์ของเราเมื่อไหร่ดี แน่นอนว่าคำถามนี้เป็นข้อสงสัยสำหรับเจ้าของรถหลายท่าน และคำตอบอาจจะไม่แน่นอนตายตัวทั้งนี้คงขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานของแต่ละท่าน รวมทั้งสภาพแวดล้อมในการขับขี่เป็นอย่างไร แต่โดยทั่วไปก็ประมาณ 1 ปีขึ้นไปหรือประมาณ 20,000 กม. วิธีการสังเกตง่ายๆคือหากแอร์รถเรามีกลิ่นอับหรือกลิ่นฝุ่นปรากฏขึ้น ก็ควรจัดการได้เลยค่ะ
1.ล้างแบบถอดตู้แอร์รถยนต์
ต้องรื้อตู้แอร์ แล้วเอาแผงคอยล์เย็นและแผงคอยล์ร้อนออกมาล้างสิ่งสกปรกตามซอกมุม ซึ่งการถอดตู้แอร์รถยนต์แบบนี้ต้องแวคเติมน้ำยาแอร์ใหม่และต้องเปลี่ยนไดเออร์กับวาล์วความดัน ถ้าไม่เปลี่ยนท่อแอร์อาจรั่วได้เพราะเกิดความชื้นเข้าไปอยู่ในระบบจากการถอดตู้แอร์รถยนต์
ข้อดี
- ทำความสะอาดได้ทั่วทุกซอกทุกมุม สะอาดกว่าการไม่ถอดตู้แอร์รถยนต์
- ตรวจสอบหรือเช็คสภาพของตู้แอร์รถยนต์ได้เลยในคราวเดียวกัน
- สามารถประเมินอายุการใช้งานของแอร์รถยนต์ได้
ข้อเสีย
- ยุ่งยากต้องรื้อคอนโซล
- ใช้เวลานาน
- ค่าใช้จ่ายสูงกว่าแบบไม่ถอดตู้แอร์รถยนต์
- มีความเสี่ยงหากบางร้านใช้ผงซักฟอกหรือโซดาไฟในการล้าง อาจทำให้มีกลิ่นผงซักฟอกไม่ดีต่อระบบหายใจและสภาพแวดล้อมในตัวรถ โซดาไฟอาจกัดกร่อนคอยล์เย็นได้
2.การล้างตู้แอร์รถยนต์แบบไม่ถอดตู้หรือล้างแบบส่องกล้อง
การล้างตู้แอร์รถยนต์แบบไม่ถอดตู้จะกำหนดน้ำยาที่ต้องใช้เฉพาะสำหรับการล้างเท่านั้นและการล้างแบบนี้เหมาะกับรถใหม่รถที่ล้างแอร์รถยนต์ ปีละ1 ครั้ง หรือเหมาะกับรถที่มีการดูแลตู้แอร์รถยนต์อยู่เป็นประจำ
ข้อดี
- ง่ายไม่ต้องรื้อคอนโซล
- ค่าใช้จ่ายถูกกว่าแบบถอดตู้แอร์รถยนต์
- ใช้เวลาน้อยกว่าแบบถอดตู้แอร์รถยนต์
ข้อเสีย
- ไม่สะอาดเท่าที่ควร
- ถ้าหากตู้ แอร์รถยนต์ สกปรกมาก อาจจะล้าง
หรือใช้วิธีใน 2-3 เดือนต่อครั้ง ซึ่ง
3.การฉีดสเปรย์
ทำความสะอาดเหมาะกับรถที่ตู้แอร์รถยนต์ยังไม่สกปรกมากโดยการฉีดสเปรย์เพื่อทำความสะอาดให้ทั่วคอยล์เย็น คราบน้ำยาจะค่อยๆ ออกมาพร้อมกับน้ำแอร์ตามท่อน้ำทิ้ง วิธีนี้ส่วนใหญ่เจ้าของรถต้องการล้างนอกรอบเสียมากกว่าประมาณ2-3เดือนครั้ง ถ้าจะล้างให้สะอาดหมดจดอาจเสียเงินค่าสเปรย์เปลืองกว่า 2 แบบแรก
4.การใส่กรองแอร์รถยนต์
รถบางรุ่นใช้ไม่ได้และอายุการใช้งานสั้นประมาณ 5,000 กม. กรองแอร์สำหรับรถบางรุ่นอาจแพงถึงหลักพัน วิธีนี้อาจเสียค่าใช้จ่ายมากกว่าแบบ 1 และแบบ 2ก็ได้
เลือกวิธีการดูแลแอร์รถยนต์ของคุณ อย่าใช้รถเพลินจนลืมดูแลแอร์รถยนต์กันนะคะ ระวังงานเข้าค่ะ